หัดปฏิเสธเสียบ้าง
เราอาจเข้าใจว่าการปฏิเสธมีแต่ด้านที่ไม่ดี แต่พลังแห่งการปฏิเสธก็มีด้านบวกอยู่เช่นกัน ลองกระบวนการปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ปฏิเสธมันทุกอย่างที่เราไม่เต็มใจทำ (ไม่ใช่ต้องทำเพราะเกรงใจ) อย่างน้อย 30 วัน
30วัน แห่งการปฏิเสธจะช่วยให้เราได้บริหารจัดการการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต แถมมันจะช่วยให้เราเรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วโลกมันไม่ได้หยุดเลยถ้าเราจะปฏิเสธคนอื่นแล้วทำอะไรเพื่อตัวเองก่อนบ้าง
ลดการใช้โซเชียลมิเดีย
โซเชียลมิเดียเต็มไปด้วยประโยชน์ และงานจำนวนมาก เราก็ต้องทำโดยใช้โซเชียลมิเดียเป็นเครื่องมือ จุดนั้นเราคงไม่ว่ากัน แต่การใช้โซเชียลมีเดียที่รุกล้ำเวลาในชีวิตเราไปจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่คนเราควรพิสูจน์และท้าทายตัวเอง ลองลดการใช้ซัก 30 วัน เราจะรู้ว่าเวลาแต่ละวันของเรามีมากเหลือเฟือขนาดไหน และทำอะไรได้อีกเยอะแค่ไหน
หยุดบ่นเสียบ้าง
บ่นนั่นบ่นนี่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงกับร่างกายคุณได้มากกว่าที่คุณคิด แน่นอนว่าถ้าเราไม่เจออะไรที่ขัดหูขัดตา เราคงไม่อยู่ๆ ไปบ่นอะไรออกมาแน่ แต่การบ่นสร้างรูปแบบความคิดที่ไม่ดีให้กับตัวเรา ทั้งสร้างความตึงเครียด ผูกเราอยู่กับมวลความคิดที่ไม่ดี ลองบอกตัวเองสิว่า หยุดบ่นซัก 30วันดูมั้ย เผื่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง เจออะไรไม่พอใจก็ลงมือแก้เลย แต่หยุดบ่นได้แล้ว
กินผักใบเขียว
แม้จะโตๆกันแล้ว แต่เราก็รู้ว่าผู้ชายอย่างเราๆ ยังแอบเบือนหน้าหนีให้กับอาหารจานผัก อาหารสีเขียวกันเป็นจำนวนไม่น้อย อย่าปล่อยใจตัวเองให้ล่องลอยไปกับของอร่อยจนลืมไปว่า อาหารมีประโยชน์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจเรา
30วัน ลองดู ลองท้าทายตัวเองด้วยการหันมากินผักใบเขียวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม รับรองว่าใน 30 วัน เซลล์ต่างๆในร่างกายจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปจนคุณก็ประหลาดใจกับผลลัพธ์
อาบน้ำเย็น
ไม่รู้เป็นอะไร ทั้งๆที่เป็นเมืองร้อน แต่หลายๆคนก็ยังหลงรักการอาบน้ำอุ่น น้ำร้อน เป็นชีวิตจิตใจ น้ำอุ่นนั้นช่วยผ่อนคลายได้จริง แต่การอาบน้ำเย็น แม้เป็นแค่ช่วงไม่กี่อึดใจหลังการอาบน้ำ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายรับอ็อกซิเจนได้มากกว่าเดิม และทำให้เรากระตือรือร้น รวมถึงรู้สึกมีพลังได้ตลอดวัน ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสิ
เขียนบันทึก หรือ เขียนอะไรก็ได้
เรื่องง่ายๆอย่างการเขียนกลับมีพลังมากกว่าที่เราคิด ไม่ว่าจะแง่การปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกแย่ๆ เพราะเมื่อเราเริ่มต้นยอมรับตัวเองได้แล้ว เราจะกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆที่ผ่านเข้ามามากขึ้น
รวมทั้งการเขียนเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ โดยกฏคือต้องเขียนทันทีที่ตื่นนอน เพราะตอนตื่นนอนคือตอนที่สมองเรายังไม่เรียบเรียงอะไรได้เต็มที่ สามารถปลดปล่อยความคิด จินตนาการกึ่งจริงกึ่งฝัน ออกมาได้เต็มที่โดยไม่ต้องให้ตรรกะเหตุผลมาคอยครอบเราเอาไว้
30วันจากนี้เขียนทุกเช้าโดยไม่ต้องกังวลว่าเราเขียนอะไร เราเขียนรู้เรื่องไหม แต่เขียนทุกอย่างที่เข้ามาในหัวเรา การทำแบบนี้จะช่วยให้ความคิดเราลื่นไหลได้มากขึ้นไปตลอดทั้งวัน