วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

คาแรคเตอร์ของคุณ สำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตหรือไม่?

Character หรือในภาษาไทยเราใช้คำว่า บทบาท หรือ ตัวตน ของคนเรานั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และด้วย Character ของเรานี่เอง ที่ทำให้หลายครั้งหลายหน เราทำในสิ่งที่ทั้งผิด และถูกต้องไปโดยไม่ทันรู้ตัว เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสัญชาติญาณธรรมชาติของบุคคลนั้นๆ ดังนั้น เราจึงเห็นว่า ทำไมบางทีคนที่อาจจะมีอายุน้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่กลับถูกเลือกให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในกลุ่มคนที่โตกว่ามีประสบการณ์มากกว่าอยู่บ่อยๆ



นั่นเพราะว่า บางคนถึงแม้จะโตขึ้น หรือจะเก่งกว่าในเรื่องของการทำงาน แต่ในเรื่องของบทบาทและบุคลิกความเป็นผู้นำกลับไม่มีให้เห็นเลย แม้แต่น้อย ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่น ถ้าหากมีผู้นำ 2 คน คนหนึ่งมีอายุน้อยกว่า แต่มี Character ความเป็นผู้นำสูง แสดงออกให้เห็นว่า มีความกล้าหาญ, กล้าได้กล้าเสีย, กล้าที่จะตัดสินใจ, กล้าที่จะเผชิญกับปัญหา ส่วนคนที่ 2 ถึงแม้จะมีอายุอานามมากกว่า แต่ไม่มี Character ความเป็นผู้นำใดๆ โผล่ออกมาแม้แต่น้อย

ความแตกต่างทาง Character ของสองคนนี้ คงพอจะบอกได้ว่า ใครกันที่จะมีสิทธิ์และเหมาะสมกับการก้าวหน้าขึ้นไปเป็นผู้นำมากกว่า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับอายุ หรือชั่วโมงบินในการทำงานที่ผ่านมา แต่มันเป็นอุปนิสัยของคนคนนั้นตามธรรมชาติ ที่สร้างมาให้เติบโตกลายเป็นผู้นำที่ดี และมีความสามารถมากกว่า



หลายคนยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า Character แบบผิดๆอยู่โดยเฉพาะคนที่ชอบพูดหรืออาจจะไปบอกแนะนำคนอื่นว่า ทำไมไม่ลองสร้าง Character ให้กับตัวเองดู เผื่อคนรอบข้างมองว่า เราชีวิตดีขึ้น มีความน่าสนใจ หรือมีความสามารถมากขึ้นในอนาคต

แต่ก่อนที่จะแนะนำใครให้สร้างหรือเปลี่ยน Character ใหม่ คุณจะต้องรู้ก่อนเป็นอันดับแรกเลยด้วยซ้ำว่า อันที่จริง Character ของแต่ละคนนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสั่งให้เปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ Character ของแต่ละคนนั้น มันถูกสร้าง และฝังเอาไว้อยู่ในเบื้องลึกของตัวตนของแต่ละคนมาตั้งแต่เกิดแล้ว



ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำมันจริงๆ ไม่ใช่การสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นใหม่ แต่ต้องฝึกเรียนรู้ Character และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่างหาก แล้วคุณจะรู้ว่า Character ของเรานั้นแสนจะมีค่า ถึงแม้จะหายาก และทำความเข้าใจนานอยู่ซักหน่อย แต่ถ้ารู้ว่าจะทำอย่างไรกับมันแล้วล่ะก็ คุณเองก็ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ไม่ยาก



หากคุณลองสังเกต และนึกย้อนดูดีๆ คุณจะรู้เลยว่าไอ้ Character ที่ว่านี้ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำรงชีวิตของคนเราเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเราจะมองหาคนที่มี Character โดดเด่นซักคนหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่อยู่ในระดับกลางไล่ไปจนกระทั่งในบุคคลระดับสูงอย่างพวกผู้บริหาร คณะกรรมการบริษัทอะไรทำนองนั้น

สังเกตุให้ดีว่า Character ของพวกเขานั้น แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปมากขนาดไหน  คนเหล่านี้จะมีความชัดเจนของ Character ค่อนข้างสูง ชนิดที่เดินสวนกันใน Office นี่รู้ทันทีว่าคนนี้ไม่ใช่พนักงานธรรมดา แต่ต้องเป็นผู้บริหารของบริษัทอย่างแน่นอน ต่อไปเราจะมาดูเหตุผลทั้ง 4 ข้อ ให้หายสงสัยว่าทำไม Character ของคนเรา ถึงมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตข้างหน้า ?



What is Character?

นักปรัชญาอยู่คนหนึ่งก็คือ Pierre Bourdieu ได้กล่าวไว้ว่า " ถ้าหากถามว่า Character คืออะไร ผมคงจะบอกว่า มันคือ สิ่งที่อยากจะอธิบายได้ " เพราะ Character ของแต่ละคนนั้น ถูกธรรมชาติสร้างมันออกมาให้แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าหากเรารู้จัก Character ตัวตนของเราที่ธณรมชาติให้มา เราก็จะรู้ว่า ข้อดี-ข้อเสีย ของเราคืออะไรและนำมาปรับใช้พัฒนาชีวิต

Ralph Waldo Emerson ผู้ซึ่งเป็นทั้ง นักเขียน นักประพันธ์ และกวี ชาวอเมริกัน อีกทั้งยังเป็นผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวปรัชญาจิตนิยมอุตรวิสัยในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ก็เคยอธิบายความหมายของ Character เอาไว้ด้วยเช่นกันว่า Character ที่ต่างกันของแต่ละคน จะทำให้คนเรามีพลังในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น คนที่มี Character เงียบขรึม ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปแตะต้อง ความเงียบขรึมของพวกเขาเป็นเหมือนเกราะกำบัง แต่ในทางกลับกันข้อเสียของมันก็คือ Character เงียบขรึมแบบนี้มักจะสร้างความกดดันต่อคนรอบข้างเช่นกัน

ชีวิตของคนเราจะดีขึ้นอย่างมาก มันเปรียบเหมือนการปลดล็อคพลังวิเศษของยอดมนุษย์อะไรบางอย่างเหมือนในหนัง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายที่แตกต่างกันไป และนี่คือ 4 เหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมมันถึงเป็นสิ่งสำคัญ


Good Character Builds The Trust Needed For Success

อย่างที่บอกไปว่า Character มีพลังบางอย่างมากกว่าที่หลายคนคิดเอาไว้ รวมไปถึงความเชื่อมั่น ความเช่ือใจจากคนรอบข้าง เพราะถึงแม้ต่อให้คุณเป็นผู้นำที่ทำงานได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีทีท่าจะแสดงถึงศักยภาพความเป็นผู้นำออกมาได้เลยแล้วล่ะก็ คงจะยากสักหน่อยกับการที่จะทำให้ใครสักคนที่ดูไม่ได้มี Character ที่พร้อมจะพาทุกคนไปข้างหน้ามาเป็นผู้นำ


Character Helps You To Ferform Your Role

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำที่พยายามจะสร้างความประทับใจให้กับเจ้านาย หรือเพียงแค่ทำมันไปตามหน้าที่ เราอยากให้คุณลองคิดดูว่า งานที่คุณกำลังทำอยู่มีความสอดคล้อง และใช้จุดเด่นซึ่งเป็น Character ของตัวคุณมากน้อยแค่ไหน การนำเอา 2 สิ่งนี้มาเปรียบเทียบกันนั้น จะช่วยทำให้คุณมั่นใจคุณจะสามารถก้าวหน้าในงานที่ทำอยู่ได้หรือไม่

Leaders With Morals Motivate Their Employees

คนที่มี Character เข้มแข็งส่วนใหญ่มักจะมีจรรยาบรรณ และมีคุณธรรม คนเหล่านี้ จึงมักจะเป็นที่น่าเชื่อถือเมื่อถึงคราวจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่มี Character เที่ยงจรง จงรักภักดี จึงมักจะประสบความสำเร็จ และเติบโตในชีวิตการทำงานได้ไม่ยากนัก เมื่อคิดดี ทำดี สิ่งที่สะท้อนกลับมาก็ย่อมเป็นแต่สิ่งดีๆ ซึ่งก็เปรียบเสมือนกำลังใจ และเชื้อไฟให้กับการทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถ

Your Character Gives You Empathy

การเอาใจใส่ก็เป็นอีก Character หนึ่งของคนที่จะเป็นผู้นำที่ดี การเอาใจใส่ในที่นี้นั้น หมายถึงว่า คุณควรที่จะคิดพินิจไตร่ตรองสถานการณ์ในหลากหลายแง่มุม ทั้งในแง่มุมของคนอื่นๆ เพื่อจะได้เข้าใจเหตุผลของพวกเขา ถึงแม้ว่า มันอาจจะมีความคิดแตกต่างกันไปบ้าง ในคนที่มี Character เป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นรอบข้างอยู่แล้ว คุณคือคนที่โชคดี ที่มีกระบานการคิดที่ละเอียดรอบครอบ และคำนึงถึงความแตกต่างอย่างมีเหตุและผล ดังนั้น จึงประสบความสำเร็จ และเป็นที่รักลูกน้องได้ไม่ยากถ้าหากได้ก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำ



จริงอยู่ว่า คนคนหนึ่งจะกลายเป็นผู้นำที่ดีได้นั้น จำเป็นจะต้องมี Character ที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว แค่ความแข็งแกร่งในที่นี้นั้น ไม่ได้หมายถึงการใช้พลัง หรืออำนาจเพื่อให้คนอื่นยอมรับ แต่หมายถึงแข็งแกร่งเมื่อต้องเผชิญกับปัญหา รู้จักที่จะใช้ความแข็งแกร่งปกป้องคนฝั่งเดียวกันด้วย

เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ต่างอะไรกับผู้นำระดับโลกที่มี Character แข็งแกร่งสุดๆ ซึ่งสามารถเป็นตัวอย่างให้เห็นกันได้ชัดๆ ผู้นำที่ว่ากันว่าถึงคราวต้องล่มสลายจากแข็งแกร่งที่บ้าคลั่งเกินไปจนกลายเป็นภัยกับตัวเอง นั่นก็คือ Adolf Hitler ไงล่ะ



Recap On Reasons Why Character Is Important

สรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ กันตรงนี้ไปเลยแล้วกันว่า คนที่มี Character สไตล์คนดีสามารถสร้างความไว้วางใจได้ ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีถ้าหากอยากก้าวไปสู่จัดที่เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จ

Character ยังช่วยให้คุณสามารถแสดงออกได้ให้คนอื่นรับรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะที่คุณใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ตามปกติ คนเราจะสามารถเข้าใจ Character ของคนได้ดีว่าเป็นคนแบบไหน คนที่มี Character อันแน่นไปด้วยศีลธรรม รู้จักเห็นอกเห็นใจ จะช่วยสามารถกระตุ้นความซื่อสัตย์ของพนักงานได้เป็นอย่างดี สุดท้าย Character โหยหาความสำเร็จ แน่นอนว่า มันจะต้องช่วยให้คุณพยายามไล่ล่าความสำเร็จในชีวิตอยู่แล้ว

หากใครมีเหตุผลอื่นๆ สำหรับความสำคัญของการเป็นตัวของตัวเอง หรือการตามหาและปลดปล่อย Character ของตัวเองออกมา เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าสู่จุดที่เรียกได้อย่างเต็มปากว่า ประสบความสำเร็จในชีวิต นอกเหนือจากที่เรานำมาให้นี้ ก็สามารถมาแชร์กันได้นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

10 อย่างที่คุณควรรู้จาก 50 Cent (Curtis Jackson)

เรื่องราวชีวิตของคนบางคน ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเราได้ ชีวิตของ 50 Cent หรือ Curtis Jackson ก็เช่นกัน เขาคือบุคคลที่เกิดและโตที่ New York โดยตัวเขาเริ่มเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติดตั้งแต่ยังเด็ก แต่เมื่อเติบโตขึ้น เขาหันหลังให้กับเส้นทางการค้ายาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะ Rapper แบบเต็มตัว

ฟังดูแล้วดู Perfect และลงตัวไปซะทุกอย่าง จากการเริ่มต้นที่จุดต่ำสุด จากกราฟชีวิตก็ค่อยๆ พุ่งขึ้นจนกลายเป็น Superstar แต่จะมีสักกี่คนกันที่รู้ว่า หลังจากที่เด็กขายยยาเลือกที่จะอำลาวงการเพื่อไปเป็นซุปเปอร์สตาร์แทนนั้น ชีวิตไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เพราะเขาถูกลอบยิงถึง 9 ครั้ง ด้วยกัน

เราไม่รู้หรอกว่า อะไรที่ทำให้คนคนหนึ่ง ถูกคนอื่นพยายามที่จะเอาชีวิต แต่ด้วยจำนวนครั้งที่มากขนาดนี้ และยังคงมีลมหายใจอยู่ได้ สำหรับเราแล้ว เราเรียกสิ่งนั้นว่า " ปาฏิหาริย์ "



หลังจากจบช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตเผชิญหน้ากับห่ากระสุนอยู่บ่อยครั้ง 50 Cent ก็ตัดสินใจฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาแข็งแกร่งกว่าเก่า และทำผลงานเพลงออกมาในชื่อ 50 Cent ซึ่งผลปรากฏออกมาว่า สามารถขายได้กว่า 30ล้านแผ่น ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีการลงทุนทำธุรกิจต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Vitamin Water ต่อมาได้ขายต่อให้กับบริษัท Coca Cola ไปในราคา 4.1 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจค่ายเพลง และบริษัทเสื้อผ้าเป็นของตัวเองอีกด้วย


ลองมาดู 10กฏเหล็กของพี่แกดู แล้วจะรู้ว่าทำไมแกถึงประสบความสำเร็จเช่นนี้ 









" The Only Voice That Matters Is Yours "



คนอื่นๆ มักจะพยายามยัดเยียดความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับตัวของคุณ เมื่อคุณกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างที่คนเหล่านั้นรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ คนเหล่านั้น มักจะพูดถึงความเป็นไปไม่ได้ พร่ำบอกว่า ความคิด หรือ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันไม่มีความเป็นไปได้ ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาแค่เป็นคนที่ไม่มีวิสัยทัศน์เหมือนที่คุณมีเท่านั้นคุณต้องอย่างฟังเสียงเหล่านั้น เพราะนั่นเป็นสิ่งที่จะห้ามไม่ให้คุณก้าวเดินต่อไป หรือไม่คุณต้องเรียนรู้ที่จะใช้เสียงนกเสียงกาเหล่านั้น มาเปลี่ยนเป็นพลังให้กลับตัวเอง อย่าสงสัยในตัวเองเพราะเสียงจากคนรอบข้าง ความคิด และความเชื่อมันเป็นของคุณ ลองคิดดูสิว่า ถ้าคุณยังสงสัยในความและคำพูดของตัวเอง แล้วคนอื่นจะเชื่อในตัวคุณได้อย่างไร?





" Reinvent Yourself "


เมื่อคุณก้าวสู่โลกแห่งการทำธุรกิจแล้วคุณเริ่มรับจุดได้ คุณจะรู้ว่าทุกธุรกิจบนโลกนี้ มันมีวิธีการจัดการเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่คุณต้องมีก็คือ คุณต้องรู้จักที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาวะใหม่ๆ เพื่อให้ทันโลกและการแข่งขันในธุรกิจที่รวดเร็ว เช่น การทำการตลาดผ่านทางสื่อออนไลน์ และการใช้เว็บไซต์ เป็นตัวช่วยทำการตลาด และยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร มันก็ทำได้เพียงแค่ให้คนมองเห็น เหมือนการลงทุนให้คนเข้ามาดูฟรีเท่านั้น แต่ผมถามหน่อยว่า มันมีทางไหนอีกบ้างที่ไว และสามารถเอาชนะสื่อ Social ได้บ้างในขณะนี้





" Don't Compromise Your Character "


ในโลกที่ทุกคนมีความแตกต่างกันทางความคิดเห็น และทุกคนต่างก็มีทางเลือกในการดำรงชีพอยู่มากมายหลายหนทาง การมีตัวเลือกเยอะนี่แหละ ทำให้คนเราผิดพลาด และทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง ตัวเลือกมากมาย ไม่ได้ทำมาเพื่อคุณ เพราะตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดสำหรับคุณ จะมีเพียงหนึ่งเดียวเสมอ อย่างเช่น ใจคุณรู้แล้วว่า คุณอยากใช้รถยี่ห้อ A แต่เพื่อนคุณบอกว่า ยี่ห้อ B ดีกว่า ส่วนญาติคุณบอกว่า C ดีกว่า คนปกติมักจะฟังคนอื่นพูด และลืมความชอบ หรือความเป็นตัวของตัวเองไป
แต่เมื่อคุณเลือกคำตอบเป็น B หรือ C คุณจะไม่มีทางมีความสุข และที่สำคัญ คุณจะไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง จำไว้ว่า การเป็นตัวของตัวเองจะทำให้คุณโดดเด่น และทำให้คุณเป็นคุณคนเดียวในโลกเท่านั้นที่ไม่เหมือนใคร แต่จะมีคนที่อยากจะเป็นเหมือนคุณ







" Believe In Yourself "


คนที่มีความมั่นใจมักได้เปรียบ คุณต้องมีความเชื่อสำหรับการทำอะไรสักอย่างเืพ่อให้เห็นผล โดยเฉพาะเชื่อมั่นในตัวเอง ว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่คุณกำลังจะสร้างมันให้เกินขึ้นได้อย่างแน่นอน มันเป็นเหมือนพลังกายในจิตใจ หากคุณขาดความเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว คุณจะเป็นคนที่ไร้ซึ่งแรงบันดาลใจ และความพยายามอย่างสิ้งเชิง







Have Faith and Keep Working


แค่ความคิด หรือ ความเชื่อ เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถสร้างสิ่งที่คุณต้องการขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่างชนิดที่จับต้องได้ ถ้าหากคุณไม่ลงมือทำ ก่อนที่คุณจะประสบความสำเร็จ คุณต้องมองไปที่คนที่เขาประสบสำเร็จมาก่อน ว่าเขาทำงานหนักแค่ไหน เขาทุ่มเทกับมันมากเพียงใด ไม่ใช่มองหลังจากที่เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปแล้ว เพราะคุณจะได้แค่บทเรียนในการใช้ชีวิตที่เกินตัว ดังนั้น ไม่มีทางอื่นอีกแล้วที่จะทำให้คุณร่ำรวย ประสบความสำเร็จได้ นอกจาก มีความเชื่อ มั่นใจ ทุ่มเท ทำงานหนัก และคุณก็จะไปถึงเป้าหมายที่คุณวางไว้








" Devote Your Life To Your Dream "


ทุกความฝันจะสามารถเป็นความจริงได้ เพียงแค่คุณต้องอุทิศชีวิตให้กับมัน ลองคิดดูสิว่า มันยากขนาดไหนกันล่ะ สำหรับการที่จะทำให้ฝันที่มีเพียงแค่ภาพในจินตนาการ กลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา เพราะฉะนั้นพนันได้เลยว่า มันไม่ง่าย มันยากมาก และต้องทุ่มเทอุทิศตัวเองไปกับมัน เท่านั้น ถ้าคุณอยากรวย คุณจะก้มหน้าก้มตาทำงานไป วันหนึ่งคุณเงยหน้าขึ้นมาคุณจะรู้ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน สำหรับผมแล้ว มีเพียงคำว่า "Get Rich Or Die Trying"










Don't Let Death Cripple You, Let it Motivate You


หลังจากที่โดนยิงถึง 9 ครั้ง มันทำให้ผมตระหนักได้ว่า " สิ่งที่เรียกว่าความตาย มันเกิดขึ้นได้ทุกวินาที " ดังนั้น เมื่ออยากทำอะไรก็ตาม ผมจะรีบ ลงมือทำ ตัดสินใจให้ไว แต่รอบคอบ ลุยมันให้สุดก่อนที่มันจะสายเกินไป และไม่มีโอกาสทำ ความคิดนี้ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป ผมไม่กลัวความตายอีกต่อไป มันทำให้ผมดีขึ้น และก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร ก็ตามสิ่งที่กากที่สุดก็คือ การที่คุณมีเวลานั่งเฉยๆ โดยที่ไม่ทำเบื้อกอะไรเลย โอกาสที่จะได้นอนหลับพักผ่อนยาวๆ มันมีรอคุณอยู่ในอนาคตอยู่แล้วทุกคนหนีมันไม่ได้ ดังนั้นจงใช้ชีวิตให้คุ้มอย่างน้อยถ้าไม่รู้จะทำอะไร นอกจากนั่งทำแมวไปวันๆล่ะก็ ออกไปเจอผู้คนซะ ออกไปไหนก็ได้ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้สมอง มันได้ถูกใช้งาน เผื่อมันจะพัฒนา และทำให้คิดได้ว่า "กูนั่งทำบ้าอะไรเฉยๆ มาตั้งนาน " ยังจะดีซะกว่า








" See Things For What They Really Are "


คุณต้องมีทักษะที่เรียกว่า ความช่างสังเกต การช่างสังเกตจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมที่มีรายละเอียดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว การแสดงความรู้สึกของผู้คน การแสดงออก กิจกรรมที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปผมคงไม่ต้องบอกว่า มันช่วยอะไรได้บ้าง แต่คุณต้องทำมันคุณต้องทำมันซะตอนนี้เลยยิ่ง เพราะมันมีประโยชน์มากๆ มาที่มุมมองทางธุรกิจกันบ้าง ความช่างสังเกตจะช่วยให้เข้าใจถึงเหตุผลในสิ่งต่างๆที่อ่าจจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงคุณจะรู้สึกถึงสัญญาณบางอย่างล่วงหน้า ซึ่งเป็นประโยชน์ในการแข่งขันด้านธุรกิจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว








Push Past The Boredom


เมื่อคุณพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่งให้ดี มันอาจจะน่าเบื่อนิดหนึ่งในตอนแรก เพราะมันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำสิ่งๆนั้น ซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆ เพื่อปรับปรุงทักษะนั้นๆ ให้ดีขึ้น

คุณต้องเต็มใจที่จะทำมัน ไม่ใช่เบื่อหน่าย เมื่อคุณปราศจากความเบื่อหน่าย คุณจะทำสามารถทำมันได้บ่อยขึ้น นานขึ้น โดยที่มีความสุขที่จะทำมัน บางครั้งมันอาจจะถึงขั้นทำให้คุณรู้สึกสนุกสนาน แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณทำมันกว่าพันครั้งแล้วก็ตาม และนั่นเป็นเคล็ดลับของคนที่ประสบความสำเร็จ และมีความสามารถที่โดดเด่นบางอย่างมากกว่าคนอื่นๆ








" Every Negative is a Positive "
\

สิ่งเลวร้ายส่วนใหญ่ จะกลายเป็ฯสิ่งที่ดีหลังจากนั้น เพราะถ้าคุณไม่รู้จักกับความผิดพลาด คุณก็จะไม่รู้วิธีแก้ไข และป้องกันเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก จากนั้น เมื่อคุณทำมันในครั้งต่อไป คุณจะปราศจาก ความผิดพลาดเดิมๆ และได้สิ่งที่ดีกว่าคุณทำผิดในครั้งแรกเสมอ ดังนั้น นำเรื่องร้ายๆ มาเป็นบทเรียน และเป็นพลังในการพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างจะดีที่สุด


วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

" อย่าเพิ่งหมดหวังกับชีวิต " เรื่องราวของคนดังในโลกที่จะทำให้คุณรู้ว่าชีวิตมันไม่ง่ายไปซะหมด แต่อย่าเพิ่งยอมแพ้สู้ต่อไป

อย่าเพิ่งเสียใจหากวันนี้คุณยังจับต้นชนปลายให้กับชีวิตตัวเองยังไม่ได้ เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนต้องเผชิญกับความยากง่ายในการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันไป

อุปสรรค ปัญหา กับชีวิตคนเราเหมือนเป็นของคู่กัน เพราะว่ามีน้อยคนมากที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่เคยผ่านการล้มเหลวมาก่อน ถ้าไม่เชื่อลองดูเรื่องรางของบุคคลต่อไปนี้กว่าที่เขาจะกลายเป็นคนดังประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงระดับโลกได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง





Thomas Alva Edison


เรื่องราวความล้มเหลวของ Thomas Alva Edison ถูกใช้สอนอย่างแพร่หลายในเรื่องความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะกว่าที่เขาจะค้นพบวิธีการสร้างหลอดไฟได้ เขาต้องผ่านการทดลองที่ล้มเหลวมากว่า 10,000ครั้งกว่าจะเจอผลลัพธ์ที่ใช่ หรือแม้กระทั่งในวัยเด็กเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน และถูกปฏิเสธงานอีกมากมาย จนไม่น่าเชื่อว่าทุกวันนี้เขาจะกลายเป็นบิดาแห่งสิ่งประดิษฐ์มากมาย

" I have not failed, I've just found 10,000 ways that won't work "






Michael Jordan


ก่อนที่ Michael Jordan จะกลายเป็นนักบาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์บาสเก็ตบอลเคยมีมา เขาเคยผ่านการล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน เพราะครูฝึกหลายคนปฏิเสธที่จะรับตัวเขาเข้าทีม เนื่องจากรูปร่างที่ตัวเล็กเกินไป หรือแม้กระทั่งตอนที่เข้าร่วมลีค NBA แล้วก็ตาม adidas ยังปฏิเสธข้อเสนอสปอนเซอร์ให้กับ Michael Jordan เนื่องจากคิดว่าเขาคงจะไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นอาชีพทั้งที่ Jordan อยากจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ adidas อย่างมาก แต่แล้วหลังจากมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก และทำผลงานได้ดีในระดับมหัศจรรย์ของยุคนั้น ชื่อ Michael Jordan จึงขึ้นทำเนียบกลายเป็ฯสุดยอดนักบาสตลอดกาล







Steve Jobs


ชายผู้อุทิศตัวเองให้กับการสร้างนวัตกรรมของโลกอย่างคอมพิวเตอร์ แต่เขากลับถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาสร้างมันด้วยสองมือ เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แสวงหาโอกาส และยังคงทำงานหนักต่อไปไม่ว่าจะเป็น NeXT, PIXAR จนสุดท้ายคนที่เคยไล่เขาออก ต้องเชิญให้เขากลับมา และเป็นผู้ที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถขาดโทรศัทพ์ได้เลย






Walt Disney


การที่มีคนมาตราหน้าคุณว่าขาดจินตนาการ และไม่มีไอเดียสร้างสรรค์ แถมต้องถูกไล่ออก ปฏิเสธงาน ล้มละลาย คงเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับคนๆหนึ่งที่ต้องพบเจอในชีวิตการทำงาน แต่ใครจะรู้ว่าชายผู้ถูกหาว่าขาดจินตนาการคนนั้นคือ Walt Disney ที่ไม่ย่อท้อต่อคำสบประมาท จนสามารถฝ่าฝันอุปสรรคจนสร้างอาณาจักรการ์ตูนที่มีมูลค่ามหาศาล และครองใจเด็กๆทั่วทั้งโลกได้ สิ่งนี้ต้องใช้ความเพียร และอดทนล้วนๆในการเอาชนะคำดูถูกต่อว่า







Bill Gates


เรื่องราวของเขาพูดถึงอย่างมากมายในฐานะบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งหลายคนก็คงรู้ว่าเขาต้องออกมาจากมหาวิทยาลัย และเผชิญกับความล้มเหลวโดยล้อเลียน ถากถางว่าเป็นพวก เนิร์ด บ้าคอมพิวเตอร์ ในช่วงเริ่มแรกก่อนที่จะมี Microsoft แม้กระทั้งวันที่เขามีซอฟแวร์ Microsoft แล้วก็ยังไม่วายที่จะโดน Apple ปฏิเสธ นั่งจึงเป็นแรงผลักดันให้ Bill Gates เลือกจะทำบริษัทเป็นของตัวเอง จนกลายเป็ฯมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก






Steven Spielberg


หากโอกาสไม่วิ่งหาเราก็จงวิ่งเข้าหามันเอง การถูกปฏิเสธจากโรงเรียนศิลปะ และภาพยนตร์ คงทำให้ใครหลายคนเลิกฝันถึงการเดินทางในสายอาชีพนี้แล้ว แต่ Steven Spielberg ไม่เคยล้มเลิกความฝันที่จะสร้างหนัง เพราะเขายังคงมุ่งหน้าทำตามความฝันต่อไป จนสามารถสร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย และได้ชื่อว่าเป็นพ่อมดแห่ง Hollywood มิหนำซ้ำเขายังบริจาคเงินเพื่อสร้างตึกให้กับโรงเรียนที่เคยปฏิเสธเขาอีกด้วย







Albert Einstein


การถูกตราหน้าว่าโง่เขลา สมองช้า คงเป็ฯอุปสรรคต่อเด็กซักคนที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น มิหนำซ้ำยังถูกปฏิเสธการเข้าเรียนต่อในหลายๆ โรงเรียน คงทำให้ชะตาชีวิตเขาคงจะหนีไม่พ้นผู้ใช้แรงงานแต่นั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Albert Einstein ค้นพบว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ และจนกระทั่งเขาได้ค้นพบทฤษฎีสัมพันธภาพ E=mc2 ซึ่งเป็นหนึ่งในสมการก้องโลก







Harland David Sanders


ชายที่ล้มเหลวมาเกือบทั้งชีวิตตั้งแต่เด็กจนแก่ ชีวิตที่เป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังหายใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการโดนไล่ออกจากงานเป็นว่าเล่น ถูกภรรยาที่รักทอดทิ้งไป ไม่มีเงินติดตัว ถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายเขาได้นำเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตจากประกันสังคม เพื่อซื้อไก่มาทอดขาย แต่แล้วสิ่งเล็กๆ นี้กลับเปลี่ยนแปลงให้เขากลายเป็นเศรษฐีในเวลาถัดมาความสำเร็จกับความล้มเหลวจริงๆ แล้วห่างกันไม่มาก มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกจะลงมือทำหรือยอมแพ้






Vincent Van Gogh


ในขณะที่ปัจจุบันรูปวาดของ Van Gogh จิตกรที่ยิ่งใหญ่สามารถตีราคาผลงานได้รูปละไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน แต่เขากลับมาไม่เคยได้รับเม็ดเงินเหล่านั้นเข้ากระเป๋าเลย เพราะตลอดช่วงชีวิตของเขามีเพียงรูปวาด The Red Vineyard เท่านั้นที่สามารถขายได้ก่อนตาย ชีวิตของเขาถูกปฏิเสธตั้งแต่เริ่มแรกที่อยากจะเข้าบวชเป็นพระ แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากเทศนาไม่เก่ง จนทำให้ต้องหันมาวาดรูป ซึ่งตลอดชีวิต Van Gogh แทบจะเป็นศิลปินไส้แห้งจวบจนเขาสิ้นชีวิตแต่แล้วสิ่งที่เขาพยายามกลับมาเห็นผลตอนเขาเสียชีวิตไปแล้ว ภาพวาดของเขากลายเป็นแบบอย่าง และมีอิทธิพลสำหรับจิตกรยุคใหม่ในแขนงอิมเพรชชั่นนิสม์ โมเดิร์น อาร์ต







Soichiro Honda


ลูกชายของช่างตีเหล็กที่มีฐานะปานกลาง ด้วยความหลงไหลในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ และช่างกล ทำให้เขาตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของอู่รถของตัวเองสักวันหนึ่งแต่แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กหนุ่มอย่างเขาจะได้จับงานช่างอย่างแท้จริง เพราะ Soichiro Honda ถูกส่งให้ไปทำงานจิปาถะ และไม่ได้ฝึกซ่อมรถเลยด้วยซ้ำ จนเขาเกิดท้อแท้ และคิดจะล้มเลิกกลับไปเป็นช่างตีเหล็ก และซ่อมจักรยานเหมือนกับครอบครัวเขาสุดท้ายเขาตัดสินใจกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง จนได้ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าช่างอย่างรวดเร็ว และเริ่มประดิษฐ์ และดัดแปลงเครื่องยนต์จากอะไหล่เหลือใช้เพื่อประกอบรถแข่งและเกิดเป็น ฮอนด้า เรสซิ่ง และกลายเป็น ฮอนด้า มอเตอร์ในเวลาต่อมา

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

6อย่างที่คุณควรทำ ถ้ารู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตมันจำเจซ้ำซากไม่พัฒนา

โลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันคุ้นชินคือโลกที่สงบสุข แต่โลกที่เรารู้จักท้าทายตัวเองให้เปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างคือโลกที่จะทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ วันนี้เรามีวิธีเปลีย่นตัวเองเป็นเวลา 30วัน เพื่อทำอะไรที่ดูเหมือนง่ายแสนง่าย แต่อาจเปลี่ยนเราเป็นคนใหม่ได้แบบไม่รู้ตัว 6ข้อเท่านั้น 6ข้อที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้





หัดปฏิเสธเสียบ้าง


เราอาจเข้าใจว่าการปฏิเสธมีแต่ด้านที่ไม่ดี แต่พลังแห่งการปฏิเสธก็มีด้านบวกอยู่เช่นกัน ลองกระบวนการปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ปฏิเสธมันทุกอย่างที่เราไม่เต็มใจทำ (ไม่ใช่ต้องทำเพราะเกรงใจ) อย่างน้อย 30 วัน

30วัน แห่งการปฏิเสธจะช่วยให้เราได้บริหารจัดการการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต แถมมันจะช่วยให้เราเรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วโลกมันไม่ได้หยุดเลยถ้าเราจะปฏิเสธคนอื่นแล้วทำอะไรเพื่อตัวเองก่อนบ้าง








ลดการใช้โซเชียลมิเดีย


โซเชียลมิเดียเต็มไปด้วยประโยชน์ และงานจำนวนมาก เราก็ต้องทำโดยใช้โซเชียลมิเดียเป็นเครื่องมือ จุดนั้นเราคงไม่ว่ากัน แต่การใช้โซเชียลมีเดียที่รุกล้ำเวลาในชีวิตเราไปจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่คนเราควรพิสูจน์และท้าทายตัวเอง ลองลดการใช้ซัก 30 วัน เราจะรู้ว่าเวลาแต่ละวันของเรามีมากเหลือเฟือขนาดไหน และทำอะไรได้อีกเยอะแค่ไหน







หยุดบ่นเสียบ้าง


บ่นนั่นบ่นนี่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงกับร่างกายคุณได้มากกว่าที่คุณคิด แน่นอนว่าถ้าเราไม่เจออะไรที่ขัดหูขัดตา เราคงไม่อยู่ๆ ไปบ่นอะไรออกมาแน่ แต่การบ่นสร้างรูปแบบความคิดที่ไม่ดีให้กับตัวเรา ทั้งสร้างความตึงเครียด ผูกเราอยู่กับมวลความคิดที่ไม่ดี ลองบอกตัวเองสิว่า หยุดบ่นซัก 30วันดูมั้ย เผื่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง เจออะไรไม่พอใจก็ลงมือแก้เลย แต่หยุดบ่นได้แล้ว








กินผักใบเขียว


แม้จะโตๆกันแล้ว แต่เราก็รู้ว่าผู้ชายอย่างเราๆ ยังแอบเบือนหน้าหนีให้กับอาหารจานผัก อาหารสีเขียวกันเป็นจำนวนไม่น้อย อย่าปล่อยใจตัวเองให้ล่องลอยไปกับของอร่อยจนลืมไปว่า อาหารมีประโยชน์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจเรา
30วัน ลองดู ลองท้าทายตัวเองด้วยการหันมากินผักใบเขียวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม รับรองว่าใน 30 วัน เซลล์ต่างๆในร่างกายจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปจนคุณก็ประหลาดใจกับผลลัพธ์









อาบน้ำเย็น


ไม่รู้เป็นอะไร ทั้งๆที่เป็นเมืองร้อน แต่หลายๆคนก็ยังหลงรักการอาบน้ำอุ่น น้ำร้อน เป็นชีวิตจิตใจ น้ำอุ่นนั้นช่วยผ่อนคลายได้จริง แต่การอาบน้ำเย็น แม้เป็นแค่ช่วงไม่กี่อึดใจหลังการอาบน้ำ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายรับอ็อกซิเจนได้มากกว่าเดิม และทำให้เรากระตือรือร้น รวมถึงรู้สึกมีพลังได้ตลอดวัน ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสิ








เขียนบันทึก หรือ เขียนอะไรก็ได้


เรื่องง่ายๆอย่างการเขียนกลับมีพลังมากกว่าที่เราคิด ไม่ว่าจะแง่การปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกแย่ๆ เพราะเมื่อเราเริ่มต้นยอมรับตัวเองได้แล้ว เราจะกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆที่ผ่านเข้ามามากขึ้น
รวมทั้งการเขียนเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ โดยกฏคือต้องเขียนทันทีที่ตื่นนอน เพราะตอนตื่นนอนคือตอนที่สมองเรายังไม่เรียบเรียงอะไรได้เต็มที่ สามารถปลดปล่อยความคิด จินตนาการกึ่งจริงกึ่งฝัน ออกมาได้เต็มที่โดยไม่ต้องให้ตรรกะเหตุผลมาคอยครอบเราเอาไว้

30วันจากนี้เขียนทุกเช้าโดยไม่ต้องกังวลว่าเราเขียนอะไร เราเขียนรู้เรื่องไหม แต่เขียนทุกอย่างที่เข้ามาในหัวเรา การทำแบบนี้จะช่วยให้ความคิดเราลื่นไหลได้มากขึ้นไปตลอดทั้งวัน





วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หลักคำสอนจากในหลวง ร.9 ให้ปรับใช้ในชีวิต เพื่อความสำเร็จในการทำงาน





ลึกๆในใจของชาวไทยทุกคนแล้วยังโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ถ้าขอพรซักข้อคงจะขอให้ท่านกลับมา แต่ก็นั่นแหละครับ ชีวิตก็คือชีวิต เมื่อเรารักพระองค์ท่าน พระองค์ท่านคงอยากเห็นพวกเราเดินหน้าต่อไปมากกว่า และทำยังไงให้ท่านไม่จากไปจากเรา คำสอนของท่านนั่นเอง ซึ่งมีประโยชน์และความรู้อย่างมากโข ทั้งการใช้สติ การใช้อารมณ์ แนวทาง การใช้ชีวิตแบบพอเพียง กระผมขอหยิบยกตัวอย่างคำสอนของท่านมาลองให้อ่านกันนะครับ




พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับเรื่อง "การทำงาน"






" การทำงานใดๆ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ควรอย่างยิ่งที่จะตั้งเป้าหมาย ขอบเขต และหลักการไว้ให้แน่นอน เพราะจช่วยให้ สามารถปฏิบัติมุ่งเข้าสู่ผลสำเร็จได้โดยตรงและ ถูกต้องพอเหมาะพอดี เป็นการป้องกัน และขจัดความล่าช้า ความสิ้นเปลือง ความเสียเปล่า ทุกอย่างได้อย่างสิ้นเชิง "

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 17 กรกฎาคม 2530









" เมื่อมีโอกาส และมีงานให้ทำ ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยันและซื้อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานทำสูงขึ้น "

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา 8 กรกฎาคม 2530











"  การทำงานใดๆ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ ง่าย ยาก ถ้าย่อหย่อนจากความเพียรแล้ว ยากที่จะให้สำเร็จเรียบร้อยทันเวลาได้ และเมื่อใดพลังของความเพียรนี้เกิดขึ้น เมื่อนั้นการงานทั้งหลายก็สำเร็จได้โดย ง่ายดายและรวดเร็ว "

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 21 มิถุนายน 2522









" การทำงานสร้างอนาคตนี้ นอกจากจะต้อง ใช้วิชาความรู้ที่ชัดเจนเป็นหลักแล้ว บุคคลยังจำเป็นต้องอาศัยคุณสมบัติพิเศษอีกหลายด้านเป็นเครื่องอุดหนุน และส่งเสริมความรู้ของตนเป็นอย่างมากอีกด้วย "

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 31 ตุลาคม 2528










"การทำงานให้สำเร็จผลแน่นอน และสมบูรณ์ตามเป้าหมายนั้นจะต้องใช้ความรู้ความสามารถ พร้อมทั้งคุณสมบัติที่สำคัญๆ ในตัวบุคคลหลายประการ ทั้งความตั้งใจที่มั่นคง ความคิดสร้างสรรค์ ความอุตสาหะพยายาม ความรับผิดชอบ ตลอดจนความสุจริต เป็น ธรรมนำมาปฏิบัติโดยสม่ำเสมอ "


พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 19 กรกฎาคม 2528











" ทุกคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัว โดยไม่มองดูคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่า งานทุกงานจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้น แต่ละคนจะต้องรู้ถึงงานของผู้อื่น แล้วช่วยกันทำ "

พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย 4 ธันวาคม 2533







"การทำงานให้มีประสิทธิผล และให้ดำเนินไปได้โดยราบรื่นนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง จะต้องทำด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงไม่บิดเบือนจุดประสงค์ที่ แท้จริงของงานสำคัญที่สุดต้องเข้าใจความหมายของคำว่าความรับผิดชอบ เพราะความรับผิดชอบ คือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ทำ จะหลีกเลี่ยงละเลยไม่ได้"

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 16 กรกฎาคม 2519







" อุปสรรคสำคัญของการทำงาน คือความท้อถอยและความหวั่นเกรงต่ออิทธิพลต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุบั่นทอนความสามารถในตน กับทั้งความเที่ยงตรงต่อหน้าที่ อย่างร้ายกาจ จึงต้องระมัดระวังควบคุมสติ และรักษาความสุจริตเป็นธรรมไว้ให้ได้ ตลอดเวลา "

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานกระบี่ และปริญญาบัตรนักเรียนนายร้อยตำรวจ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร 18 เมษายน 2532





" การทำงานให้สำเร็จขึ้นอยู่กับความสุจริตกาย สุจริตใจ ด้วยความคิดเห็นที่เป็นอิสระ ปราศจากอคติ และด้วยความถูกต้องตามเหตุตามผลจึง จะช่วยให้งานบรรลุจุดมุ่งหมาย และประโยชน์ที่พึ่งประสงค์โดยครบถ้วนแท้จริง "

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

8 เคล็ดลับช่วยรักษา ทัศนคติในการใช้ชีวิตได้

เรื่องราวในแต่ละวันที่เราได้พบเจอในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีแต่ด้านลบเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวเศรษฐกิจถดถอย หรือเรื่องราววิถีชีวิตประจำวันที่ต้องพบเจอ กลับกลายเป็นว่าทุกๆวันนี้ หลายคนติดหลุมกับดักการใช้ชีวิต และข่าวสารมากมาย จนเผลอเสพความคิดแย่ๆ เข้าไป

การรักษาทัศนคติที่ดีให้คงอยู่ไว้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในการช่วยเพิ่มพลังให้กับตัวเราเองและคนรอบตัวเรา ลองมาดูวิธีหรือเคล็ดลับที่จะทำให้มีการคิดบวกเป็นสกิลติดตัว ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไรเข้ามาในชีวิตเรา ก็พร้อมจะรับมือได้











ทำวันใหม่ให้ดี

การคิดบวกไม่ได้หมายถึงเพียงความคิด แต่รวมไปถึงการกระทำ เช่นเวลาช่วงเช้าที่แสนจะน่าเบื่อ ไม่อยากลุกออกจากเตียง การที่เราทำตัวเอื่อยเฉื่อยตั้งแต่เช้าอาจพาลให้ทั้งวันของเรากลายเป็ฯวันที่น่าเบื่อ เพราะงั้นลองหาวิธีช่วยเสริมประสิทธิภาพในตอนเช้าให้ดีขึ้น เช่น การเปิดเพลงโปรดสักเพลงที่ไม่ใช่ทำนองหดหู่ อวยพรให้เราเริ่มต้นวันใหม่ให้เป็นวันที่ดี แค่เพียง 1 นาทีหรือ 15นาที มันจะช่วยเพิ่มความคิดบวกและช่วยให้เราอารมณ์ดีแบบไม่น่าเชื่อ







กล้าเผชิญความเป็นจริง

การคิดบวกไม่ใช่การหลอกตัวเองว่าทุกสิ่งมันต้องดีเสมอ แต่มันคือการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ แล้วนำความเป็นจริงนั้นมาคิดในเชิงบวก ไม่กดดันหรือทำร้ายความคิดของตัวเอง เพราะถ้าเรายิ่งรู้จักยอมรับและคิดบวกกับมันมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะรับและเผชิญหน้าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้มากขึ้น









การสื่อสารด้วยความเข้าใจ

ถ้าเป็นคนที่มีความคิดแบบ Negative Thinking ไม่เพียงแค่ตัวเรารู้สึกไม่ชอบใจเท่านั้น คนรอบข้างที่อยู่ๆตัวเรา ก็พาลจะได้ Negative Thinking นี้ไปด้วย ยิ่งบางครั้งตัวเราเผลอสื่อสารความคิดและคำพูดแย่ๆ ออกมาทางคำพูดหรือท่าทางโดยไม่รู้ตัว ยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกแย่กับตัวเราไปกันใหญ่ แม้บางครั้งเราอาจะไม่สามารถทำอะไรให้หายหงุดหงิดได้ทันที แต่เราสามารถที่จะตอบรับและพูดด้วยประโยคดีๆ เชิงบวกให้กับคนอื่นได้







ออกกำลังกาย พาชีวิตบวก

ไม่ได้เป็นเพียงเฉพาะความคิดเท่านั้น การออกกำลังกายที่เรากำลังจะพูดถึงก็เป็นอีกส่วนที่เพิ่มพลังในด้านความรู้สึก เพราะถ้าเรามีสุขภาพที่ดี ทัศนคติและความคิดของเราก็จะทรงพลังและดีมากขึ้นเช่นเดียวกัน ลองทำกิจกรรมที่เราชอบ อย่างเช่นการปั่นจักรยาน หรือการวิ่งดู รับรองว่าหลังวิ่งเสร็จ คุณอาจจะเผลอยิ้มและมีความสุขที่เหงื่อไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างแรงบันดาลใจในความคิดได้แบบไม่น่าเชื่อ








หนังสือเพิ่มพลัง

มีหนังสือแทบจะเป็นหลายร้อยเล่มในโลกที่ช่วยให้เราสามารถซึมซับและเพิ่มแรงบันดาลใจในชีวิตให้กับตัวเราได้ บางครั้งเราอาจไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตแบบภาพในฝัน แต่การอ่านหนังสือเหล่านี้ มันจะช่วยให้เราได้เรียนรู้ความคิดและคำพูดดีๆ ได้แบบไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่นตัวผมชอบอ่านหนังสือ 10คน ประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจ ตอนอ่านจบจะรู้สึกเหมือนมีพลังและอยากทำให้ได้แบบนี้บ้าง เพื่อนๆก็ลองดูครับ มันช่วยได้จริงๆ








ชาร์ตแบตเตอร์รี่ชีวิต

กุญแจสำคัญในการรักษาทัศนคติที่ดีของเราไว้ให้คงอยู่ คือการใช้ชาร์จแบตเตอร์รี่ให้กับชีวิตอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจเป็นการใช้เวลาสองสามชั่วโมงในช่วงวันอาทิตย์สุดสัปดาห์เพื่ออ่านหนังสือเชิงบวก หรือใช้่เวลาสักสองสามวันในวันหยุดออกเดินทางไปที่ที่คุณอยากไป รับรองเลยว่าการออกจากวงจรเดิมๆ ไปเจออะไรใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มหลังคิดบวก และการมองโลกในแง่ดีได้ขึ้นเยอะ








คนแบบเดียวกัน

บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่การเหยียดหรือการทำให้กีดกันเพื่อนที่มีอยู่ของคุณให้ออกไปจากชีวิต แต่เราแค่อยากให้คุณมองหาคนที่มีอะไรเหมือนๆกับคุณ ลองใช้เวลาออกไป Hang Out หรือนัดทานกาแฟยามว่าง พูดคุยในสิ่งที่คิดดู ถ้าเราต้องการอะไรที่พอดีพอควร การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับคนประเภทเดียวกันจะช่วยให้คุณไม่ปวดหัว และได้พลังบวก กลับมาอีกด้วย








หยุดฟังเพลงความคิดลบๆ

เรารู้ว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะต้องคิดบวกอยู่ตลอดเวลา เพราะบางครั้งความคิดแนวลบๆ ก็เหมือนฟองอากาศที่ขึ้นมาเป็นครั้งคราว และอาจจะบ่อยเวลาที่เราอินไปกับสถานการณ์รอบตัว เราลองสังเกตตัวเองกันดีๆ สักหน่อย ว่าความคิดเชิงลบมักจะมาในรูปแบบไหน เราจะได้ทันระวังตัวให้ห่างจากมัน

และถ้าสังเกตจากคนรอบตัวที่พบเจอ ส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่เผลอไปฟังเพลงซักเพลง เช่นเพลง อกหัก เพลงหดหู่ ช่วงฟังจะรู้สึกหาเหตุการร์มาอิงกับเพลงเสมอ และฟังจบทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก คิดถึงความหลัง กว่าจะดึงสติกลับมาเป็นปกติได้ต้องใช้เวลาซักพักเลย แนะนำว่าถ้ารู้สึกผิดหวังหรือเศร้า หรือโกรธ ให้ออกห่างจากเพลงแนวคิดลบๆดีกว่า ทำให้เราจมดิ่งกับมัน